ฉลองปีใหม่ด้วยการไหว้พระ 9 วัด อารามอร่าม (Night at the Temples) กับเพื่อนๆ แก๊งค์ Intania CC ขาประจำทั้งหลาย
เริ่มจาก Block 28 ออกพระราม 4 ไปยังวัดแรก
(1) วัดไตรมิตร เป็นวัดแรก
วัดไตรมิตร หรือ วัดสามจีน หรือชื่อเต็มๆ คือ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร วัดสวยที่มีความพิเศษที่ไม่มีเหมือน นั่นก็คือ หลวงพ่อทองคำ ที่เป็นพระพุทธรูปที่สุดของโลก
จากนั้นก็ปั่นไปทางทรงวาด ไปยังสี่แยก Prime Optimus แวะถ่ายรูปกัน
ผ่านเยาวราช คนแน่นมากๆ ข้ามสะพานปกเกล้าเลี้ยวไปฝั่งธนฯ
เข้า (2) วัดประยูรวงศาวาส เดินรอบเขามอ
วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร หรือชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดรั้วเหล็ก เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ใกล้กับเชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ฝั่งธนบุรี “เจดีย์พระประธาน วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร” ได้สร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ โดยได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ 1 หรือ Award of Excellence จากโครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2556 จากยูเนสโก
จากนั้นก็ปั่นถนนริมเจ้าพระยา อากาศร่มมาก ไปสักการะ หลวงพ่อโต ซำปอกง (3) วัดกัลยาณมิตร ภายนอกยังบูรณะอยู่
วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดย เจ้าพระยานิกรบดินทร์มหินทรมหากัลยาณมิตร (โต) ได้อุทิศบ้านและที่ดินบริเวณใกล้เคียง และสร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2368 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงพระราชทานนามว่า วัดกัลยาณมิตร และทรงสร้างพระวิหารหลวงและพระประธานพระราชทาน เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชื่อ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ด้วยมีพระประสงค์จะให้เหมือนกรุงเก่า คือมีพระโตอยู่นอกกำแพงเมืองอย่าง วัดพนัญเชิง ที่กรุงศรีอยุธยา นั่นเอง
แล้วปั่นต่อไปยัง (4) วัดอรุณราชวราราม ผู้คนเยอะมาก ผู้หญิงแต่งชุดไทยกันเยอะ ส่วนใหญ่เป็นต่างชาตินะ อยากเห็นคนไทยแต่งแบบนี้กันเยอะ สวยดีนะ
“วัดอรุณราชวราราม” มีชื่อเดิมว่า “วัดมะกอกนอก” แต่ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เปลี่ยนชื่อจากวัดมะกอกนอกมาเป็น “วัดแจ้ง” เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าพระองค์ได้เสด็จมาถึงที่นี่ในยามแจ้ง ในสมัยกรุงธนบุรี วัดอรุณฯ หรือวัดแจ้งในขณะนั้นถือเป็นวัดประจำวัง เพราะอยู่ในเขตของพระราชวังเดิม จึงไม่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา และในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินนั้น วัดแจ้งแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตและพระบางอีกด้วย โดยได้อัญเชิญมายังประเทศไทยเมื่อครั้งที่เราไปตีเมืองเวียงจันทน์ในปี พ.ศ.2322 ในครั้งนั้นได้มีการจัดงานสมโภชพระแก้วและพระบางถึง 3 วัน 3 คืนด้วยกัน
จากนั้นก็กราบไหว้หลวงพ่อโต (5) วัดระฆัง ทุกคนเริ่มหิวแล้ว ตัดสินใจนั่งเรือข้ามเจ้าพระยา คนบวกจักรยาน 10 บาท ไปยังท่าช้าง
วัดระฆัง มีพระอุโบสถที่สวยงาม เป็นทรงแบบรัชกาลที่ 1 ประดิษฐาน หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า เป็นพระประธาน โดยเป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก ซึ่งครั้งหนึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาพระราชทานผ้ากฐิน ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที” จึงเป็นที่มาของชื่อพระประธานนั่นเอง และเมื่อเอ่ยถึงวัดระฆังโฆสิตารามแห่งนี้ ก็ต้องนึกถึง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระมหาเถระรูปสำคัญ ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างมากในประเทศไทย ซึ่งท่านเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารในสมัยรัชกาลที่ 4-5
แล้วแวะเข้าร้านคุณกุ้ง ตามคาดดื่มเบียร์ทันที ได้เบียร์ช้างแชมเปญ “เบียร์สด” ที่มีกระบวนการผลิตและการเก็บเฉพาะ มีไม่กี่ร้านในกรุงเทพนะ 🙂 อิ่มแล้ว
ก็ปั่นต่อไป (6) วัดพระเชตุพน ไหว้พระพุทธไสยาสน์ (พระนอนวัดโพธิ์)
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เดิมชื่อวัดโพธาราม ชาวบ้านเรียกสั้น ๆ ว่า “วัดโพธิ์” เป็นวัดโบราณราษฎรสร้างระหว่าง ปี พ.ศ. 2231-2246 ในรัชกาลพระเพทราชา สมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยธนบุรีพระเจ้าตากสินมหาราชทรงยกฐานะขึ้นเป็นพระอารมหลวงมีพระราชาคณะปกครองตั้งแต่นั้นมา
แล้วปั่นไปยัง (7) วัดราชบพิธ พระอุโบสถ พระวิหาร พระมหาเจดีย์ ในยามค่ำคืนสวยงามมากๆ เดินถ่ายรูปกันอยู่นาน
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หรือ วัดราชบพิธ คือพระรามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2412 ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นวัดประจำพระองค์ โดยมี พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นณรงคหริรักษ์ เป็นแม่กองอำนวยการก่อสร้าง และเนื่องจากเป็นวันที่มีมหาสีมาตั้งที่กำแพงวัดทั้ง 8 ทิศ และเป็นวัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม นั่นเอง
ก่อนจะปั่นต่อไปยัง (8) วัดสุทัศน์ กราบไหว้พระโต สมัยสุโขทัย
วัดสุทัศนเทพวราราม สร้างขึ้นระหว่าง ปี พ.ศ. 2350-2351 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 เดิมพระราชทานนามว่า “วัดมหาสุทธาวาส” ต่อมาได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระวิหารขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของ พระศรีศากยมุนี หรือ พระโต พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์พระร่วงของยุคสุโขทัยที่อันเชิญมาจาก พระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ทว่าพระวิหารยังไม่ทันสร้างเสร็จก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน ผู้คนจึงเรียกวัดแห่งนี้ด้วยนามที่เรียบง่ายว่า วัดพระโต วัดพระใหญ่ หรือ วัดเสาชิงช้า
วัดสุดท้าย (9) วัดราชนัดดาราม ที่มีโลหะปราสาทแห่งเดียวของไทยและแห่งที่สามของโลก สวยงามเช่นเคย
วัดราชนัดดารามวรวิหารเป็นพระอารามชั้นตรีชนิดวรวิหาร พระบามสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติแก่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี (ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นพระอัครมเหสีองค์แรกของรัชกาลที่ 4 มีพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีบรมราชเทวี) จึงทรงพระราชทานนามว่าวัดราชนัดดาราม เมื่อ ปี พ.ศ.2386
ก่อนจะจบทริปด้วยขนมหวาน เซียงเซียมอี๊ ถนนบรรทัดทอง ที่คนแน่นทุกคืนเช่นเคย
ผลประกอบการปั่นไหว้ ชม พระอารามอร่าม 9 วัด ได้ 18 กม 🙂 สนุกสนาน ได้เสริมมงคลของปีด้วย
#ไหว้พระ9วัด #nightatthetemples #cycling