ทริปปั่นจักรยาน Intania CC ครั้งที่ 13 ป้อมพระจุลฯ

วันนี้ (5 ก.พ. 66) ปั่นทริป Intania CC ครั้งที่ 13 ป้อมพระจุลฯ มี feat. กับทีม Lenso Lenso.cc ด้วย สนุกขึ้นเลยครับ

เริ่มจากร้าน The Dishes Riverside บางขุนเทียนชายทะเล

ล้อหมุนไปวัดขุนสมุทรจีน ที่มีโบสถ์ที่เคยจมน้ำ Unseen Thailand เลย ระหว่างทางไปและกลับก็มีทาง Gravel ดินแดง แต่ทุกคนทำได้ดีครับ

วัดขุนสมุทรจีน หรืออีกชื่อเรียกก็คือ วัดขุนสมุทราวาส อยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดขนาดใหญ่ริมอ่าวไทย เมื่อก่อนนั้นในบริเวณนี้จะมีความอุดมสมบูรณ์ และมั่งคั่งอย่างมากจากการค้าขายทางเรือในอดีต แต่ต่อมาก็ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนกินพื้นที่บริเวณวัดเข้าไป จนทำให้กลายเป็นเกาะล้อมรอบไปด้วยน้ำ ส่วนชาวบ้านก็ต้องย้ายบ้านขยับเข้ามายังฝั่งแทน

ด้วยความที่เป็นวัดเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ จากปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ทางวัดจึงต้องยกพื้นโบสถ์และกุฏิให้สูงขึ้น เพื่อให้พ้นจากน้ำทะเล ซึ่งเมื่อก่อนนั้นครั้งหนึ่งพระอุโบสถเก่าแก่ภายในวัดก็จมอยู่ใต้น้ำบางส่วนในช่วงที่น้ำขึ้น และถ้าจะเข้าชมก็ทำได้ต่อเมื่อน้ำลดเท่านั้น แต่ก็ได้กลายมาเป็นวัดที่มีความแตกต่างจากวัดอื่นๆ เพราะตัววัดมีร่องรอยของน้ำทะเลอยู่ตามจุดต่างๆ นั่นเอง

ส่วนภายใน วัดขุนสมุทรจีน ก็ต้องมาชม พระอุโบสถเก่าแก่ นอกจากเราจะได้เห็นร่องรอบการจมน้ำแล้ว ภายนอกของอุโบสถก็ยังมีลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม ส่วนด้านในจะประดิษฐาน หลวงพ่อปากแดง และบริเวณภายในวัดก็จะมีทั้ง เก๋งจีนเจ้าแม่กวนอิม พระพุทธรูปองค์ใหญ่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระยาพิชัย ให้สักการะกันด้วย

จากนั้นก็ไปดื่มกาแฟที่ร้านโรงขนม

ก่อนจะปั่นต่อไปป้อมพระจุลฯ แหลมฟ้าผ่า ชมเรือรบสมัย ร 4

ป้อมพระจุลจอมเกล้า หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “ป้อมพระจุล” เป็นป้อมปราการทางน้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ สร้างขึ้นเมื่อใด ไม่พบหลักฐานแน่ชัด แต่คาดว่าสร้างขึ้นในราวเดือน มีนาคม พ.ศ. 2427 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อป้องกันการรุกรานจากอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นชัยภูมิเหมาะสม 

“ทางเรือ ไทยยังจะสู้รบฝรั่งเศสไม่ได้” 

จึงเป็นเหตุผลโดยรวมที่ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความสำคัญ รับสั่งให้เตรียมการป้องกันกำลังทางเรือให้ดียิ่งขึ้น โดยพระองค์พระทานเงินส่วนพระองค์เป็นจำนวน 10,000 ชั่ง (800,000 บาท) เพื่อให้เร่งการสร้างป้อม และซื้ออาวุธเพื่อป้องกันพระนคร ด้วยความมุ่งมั่นของพระองค์ที่จะดำรงไว้ซึ่งเอกราชของชาติ ให้หลุดพ้นจากการเข้าแทรกแทรงของชาติตะวันตก ตามที่ทรงพระราชหัตถเลขาถึงเสนาบดีสภาในวันที่ 10 เมษายน ร.ศ.112 (พ.ศ. 2436) ใจความตอนหนึ่งว่า

….ฉันรู้ตัวชัดอยู่ว่า ถ้าความเป็นเอกราชของกรุงสยามได้สุดสิ้นไปเมื่อใด ชีวิตฉันก็คงจะสุดสิ้นไปเมื่อนั้น…

หากมีเรือรบของข้าศึกบุกเข้ามาทางปากน้ำ ป้อมแห่งนี้สร้างเป็นป้อมปืนใหญ่แบบตะวันตก และได้ติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรอง 152/32 มม. (6 นิ้ว) จำนวน 7 กระบอก เป็นอาวุธหลักของป้อม ทำให้ป้อมนี้เป็นป้อมปราการของสยามที่ทันสมัยมากที่สุดในเวลานั้น

ปัจจุบัน ป้อมพระจุลจอมเกล้าขึ้นตรงกับฐานทัพเรือกรุงเทพ และได้ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ พ.ศ. 2536 เพื่อเป็นราชานุสรณ์และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และกองทัพเรือได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมด้วย ป้อมพระจุลจอมเกล้าจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ

ก่อนจะปั่นต่อไปวัดสาขลา ชมเจดีย์เอน คู่แข่งหอเอนปิซ่า 🙂

วัดสาขลา ตั้งอยู่ใน ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ จัดว่าเป็นวัดเก่าแก่ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนในพื้นที่เลย ไฮไลท์ของวัดนี้ ก็คือ ในอุโบสถจะมี พระปรางค์เอน และ หลวงพ่อโต ส่วนด้านล่างอุโบสถนั้น จะมีการลอดผ่านพระราหูที่เป็นที่นิยม เพราะเหมือนกับเป็นการสะเดาะเคราะห์ของที่นี่ โดยจะมีทั้ง ลูกนิมิตรเอก พระพุทธรูปโบราณ และ องค์พระแฝดหันหลังชนกัน ที่เพิ่งจะขุดค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ด้วย

พระปรางค์เอน ที่เราเห็นกันนั้น เป็นองค์พระปรางค์เก่าแก่ ตั้งอยู่ริมคลอง ซึ่งเมื่อก่อนนั้นไม่ได้เอนเหมือนกับที่เห็นในปัจจุบัน จนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ได้เกิดน้ำท่วม ทำให้พื้นดินลอยตัวอยู่บนโคลนนั้นเกิดการทรุดตัว องค์พระปรางค์เลยเกิดเอียงไปด้านตะวันตกราวๆ 15 องศา แต่หลังจากครั้งนั้นก็ไม่ได้เอียงเพิ่มแต่อย่างใด เลยถูกปล่อยไว้ให้เอน เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของ บ้านสาขลา

นอกจากนี้ ภายใน วัดสาขลา ก็จะมี พิพิธภัณฑ์ใต้อาคารโบสถ์และวิหาร ตรงนี้แหละ ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวใช้สำหรับลอดใต้โบสถ์วิหารและฐานหลวงพ่อโต เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล เพราะมีความเชื่อกันว่าจะทำให้โชคดีและรอดพ้นจากอุปสรรคต่างๆ และยังสามารถเดินชมด้านในพิพิธภัณฑ์ได้อีกด้วย

ไม่หมดเพียงแค่นี้ แต่ในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้ง พระพุทธรูปศิลา พระสังกัจจายน์ ห้องพิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลา ไปจนถึง ห้องลอยบัว เรียกได้ว่าเดินชมไหว้พระ กันได้เกือบทั้งวันเลย ใครที่กำลังอยากจะหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ บ้านสาขลา และ วัดสาขลา นี่แหละค่ะ น่าจะตอบโจทย์สุดๆ เลย

สุดท้ายที่วัดสาขลายังมีปลาคาร์ฟจำนวนมาก ที่ให้นักท่องเที่ยวมาให้อาหารอย่างใกล้ชิด น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว

แล้วปั่นกลับมาที่ The Dishes Riverside ดูน้องๆ เล่นพายเรือกับ Sub ทานอาหารเที่ยงด้วย 🙂 อร่อยครับ

ปั่นกันน้อยแต่ 45 กม แต่เต็มไปด้วยความสุขจริงๆ พี่น้องได้เจอหน้ากันคุยกันสนุกดีครับ

ติดตามพวกเรา Intania Cycling Chula ได้ที่ Facebook Page: IntaniaCC

ขอบคุณ

พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่มาปั่นด้วยกันนะครับ

Probike ที่ให้รถเซอร์วิสตามด้วย และของรางวัลมื้อเที่ยง

Lenso ที่ให้ของรางวัลมาจับฉลากเช่นกัน

เพื่อน 71 น้อง 72 ที่ช่วยกันวางเส้นทาง

เจอกันทริปหน้านะครับ #IntaniaCC #Cycling

เส้นทางปั่นตามนี้นะครับ https://www.strava.com/activities/8503484943

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *